5 ธันวาคม 2558

5 ธันวาคม 2558

วันอังคาร

"5 เคล็ดลับ" ส่งเสริมเด็กไทยใช้ถนนอย่างปลอดภัย

 


อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติระบุว่า อุบัติเหตุทางถนนคือเหตุฉุกเฉินที่เกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี สูงสุดเป็นอันดับแรก โดยแต่ละปีมีผู้ประสบเหตุเกือบ 320,000 ราย ซึ่งสาเหตุของอุบัติเหตุ มักเกิดจากเรื่องที่ทุกคนรู้ แต่เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตาม เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่เคารพกฎจราจร เป็นต้น โดยการสำรวจของมูลนิธิไทยโรดส์ เมื่อปี 2559 พบข้อมูลที่น่าตกใจว่าอัตราการสวมหมวกนิรภัยของเด็กและวัยรุ่นอยู่ที่เพียง 8 และ 26 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น การสร้างจิตสำนึกใช้ถนนอย่างปลอดภัยคือกุญแจสำคัญของการแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน

มูลนิธิ AIP ได้ฝากเคล็ดลับ 5 ข้อ จากหลักสูตรของโครงการเดินทางปลอดภัยไปโรงเรียน ที่คุณครูและผู้ปกครองสามารถนำไปสอนนักเรียนหรือลูกหลานเพื่อสร้างพฤติกรรมการเดินทางไปโรงเรียนอย่างปลอดภัยในทุกเทศกาล ดังต่อไปนี้


1. จำให้มั่น ป้ายจราจร สอนให้เด็กๆ เข้าใจความหมายของเครื่องหมายจราจรและเครื่องหมายเส้นบนพื้นทาง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเครื่องหมายที่พบบ่อยในละแวกใกล้เคียงโรงเรียนหรือระหว่างทางจากบ้านมาโรงเรียน


2. หมวกนิรภัย ไม่ใส่ ไม่ได้ สอนให้เด็กๆ เห็นความจำเป็นของการสวมใส่หมวกกันน็อค ไม่ว่าจะเป็นคนขี่หรือคนซ้อนทั้งจักรยานและจักรยานยนต์ เพราะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่ศีรษะหากเกิดอุบัติเหตุเมื่อสวมอย่างถูกต้อง โดยหมวกควรพอดีกับศีรษะ ไม่ขยับไปมา และควรใส่สายรัดหมวกที่บริเวณใต้คางให้แน่นพอเหมาะ


3. ตรวจความปลอดภัยก่อนปั่น ก่อนขี่จักรยานควรตรวจสภาพความปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่ารถทำงานปกติ อาทิ รถต้องหยุดทันทีเมื่อกดเบรกมือ กระดิ่งเสียงดังได้ยินชัดเจน โซ่อยู่ในเฟืองโซ่ ไม่หลุด ไม่ติด ยางต้องไม่สึกหรือเป็นรอยฉีกขาด น็อตล้อขันแน่นหนา ล้อไม่คด บันไดทั้งสองข้างอยู่ในสภาพดีและหมุนได้อิสระไม่ติดขัด เป็นต้น


4. คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ เมื่อนั่งรถยนต์ต้องจำให้ขึ้นใจว่า “ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย” เสมอ ไม่ว่าจะนั่งตอนหน้าหรือตอนหลัง ซึ่งการคาดเข็มขัดนิรภัยที่ถูกวิธีนั้น ต้องดูว่า สายเข็มขัดไม่บิด, เข็มขัดส่วนที่คาดผ่านหน้าตัก ควรอยู่เหนือสะโพก ไม่ใช่เหนือท้อง ส่วนที่พาดไหล่ต้องคาดเฉียงผ่านลำตัวและไหล่ ไม่สัมผัสใบหน้าลำคอ, เข็มขัดต้องแน่นพอดีและเสียบอยู่ในส่วนหัวเข็มขัดอย่างมั่นคง


5. รอรถจอดสนิท ก่อนลง ทุกครั้งที่เดินทางด้วยยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถทัวร์ หรือรถไฟ ต้องรอจนกว่ารถจอดสนิท จึงขึ้นหรือลง โดยรอให้ผู้โดยสารบนรถลงจากรถหมดก่อนจึงค่อยขึ้นรถ เมื่อก้าวขึ้นต้องระหว่างช่องว่างระหว่างยานพาหนะกับขอบทางหรือขอบชานชาลา เมื่อลงจากรถให้เดินออกห่างจากขอบทางหรือขอบชานชาลาก่อนรถประจำทางหรือรถไฟจะเคลื่อนออก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น